หลังจากที่หลายคนรอคอยกันมานาน ในที่สุด Apple ก็ได้เปิดตัว iPad Air 7 (2025) รุ่นใหม่ซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จของ iPad Air 6 โดยเน้นด้านประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานให้มากขึ้น
โดยข้อมูลจาก
Apple (TH) – iPad Air
ได้เผยถึงไฮไลท์หลัก ๆ ดังนี้
- ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ (คาดว่า M2 หรือเทียบเท่า)
- ดีไซน์บางเบาสไตล์ Air แต่ปรับรายละเอียดบางจุดให้ทันสมัย
- รองรับอุปกรณ์เสริมอย่าง Magic Keyboard และ Apple Pencil (Gen 2 หรืออาจมีรุ่นใหม่)
- ราคาจับต้องได้ เมื่อเทียบกับ iPad Pro แต่ยังคงประสิทธิภาพการทำงานที่สูง
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า iPad Air 6 vs iPad Air 7
มีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง และควรซื้อรุ่นไหนถึงจะคุ้มค่า
บทความนี้จะสรุปประเด็นสำคัญให้เข้าใจง่ายในที่เดียว
1. ดีไซน์ & จอภาพ: บางเบาเท่าเดิม เพิ่มเติมคือความคมชัด
- ดีไซน์ที่คุ้นเคย
iPad Air 7 ยังคงรักษาดีไซน์ขอบบาง (All-Screen) และตัวเครื่องอะลูมิเนียมที่แข็งแรง น้ำหนักเบา
พกพาง่ายเช่นเดียวกับ iPad Air 6 - ขนาดจอเท่าเดิม แต่สว่างและคมชัดขึ้น
คาดว่าจอ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ยังคงเป็นขนาดมาตรฐานของซีรีส์ Air
แต่ iPad Air 7 มีการอัปเกรดความสว่าง (Brightness) และให้ขอบเขตสีกว้างขึ้น
ส่งผลให้ใช้งานกลางแจ้งหรือทำงานกราฟิกได้ดีขึ้นอีกระดับ
2. ชิปประมวลผล: อัปเกรดสู่ M2 หรือเทียบเท่า
- iPad Air 6
- ใช้ชิป M1 (หรือ A-series รุ่นท็อปในบางกรณีตามการคาดการณ์ก่อนหน้า)
ซึ่งยังทรงพลังสำหรับการตัดต่อวิดีโอ เล่นเกม และใช้งาน Multitasking ได้อย่างสบาย ๆ
- ใช้ชิป M1 (หรือ A-series รุ่นท็อปในบางกรณีตามการคาดการณ์ก่อนหน้า)
- iPad Air 7
- อัปเกรดมาสู่ชิป M2 (หรืออาจเป็น A17 Bionic) ที่เร็วขึ้น
โดยเน้นประสิทธิภาพการประมวลผล AI และกราฟิกให้ดีขึ้นกว่าเดิม - เหมาะกับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังประมวลผลมากขึ้น เช่น ตัดต่อวิดีโอ 4K, ตกแต่งภาพด้วยแอปมืออาชีพ
หรือเล่นเกมที่ใช้กราฟิกสูง
- อัปเกรดมาสู่ชิป M2 (หรืออาจเป็น A17 Bionic) ที่เร็วขึ้น
3. กล้องและฟีเจอร์เสริม: Center Stage ปรับปรุง, รองรับ Apple Pencil เหมือนเดิม
- กล้อง
- iPad Air 6 มาพร้อมกล้องหลัง 12MP และกล้องหน้า Ultra Wide 12MP รองรับฟีเจอร์ Center Stage
- iPad Air 7 ก็ยังคงสเปกกล้องใกล้เคียงกัน แต่อาจเพิ่มความสามารถให้ Center Stage ทำงานได้ลื่นไหล
และจับภาพได้กว้างขึ้น รวมถึงซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ (ISP) ที่ดีขึ้น
- Apple Pencil / Magic Keyboard
- ทั้ง Air 6 และ Air 7 ต่างรองรับ Apple Pencil (รุ่น 2) และ Magic Keyboard หรือ Smart Keyboard Folio
ทำให้การทำงานสะดวก ทั้งพิมพ์เอกสารหรือจดโน้ตดิจิทัล - มีการคาดการณ์ว่า iPad Air 7 อาจจะรองรับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ ๆ หากมีการเปิดตัวพร้อมกัน
- ทั้ง Air 6 และ Air 7 ต่างรองรับ Apple Pencil (รุ่น 2) และ Magic Keyboard หรือ Smart Keyboard Folio
4. แบตเตอรี่และการชาร์จ: ยังใช้งานได้ยาวนานเหมือนเดิม
- iPad Air 7 ยังคงเคลมเวลาการใช้งานประมาณ 10 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน) เช่นเดียวกับรุ่นก่อน ๆ
- ทั้งสองรุ่นใช้ USB‑C
ในการชาร์จและโอนถ่ายข้อมูล จึงไม่ต้องกังวลเรื่องหัวชาร์จ Lightning เก่า ๆ อีกต่อไป - จุดต่างอาจอยู่ที่ความเร็วในการชาร์จ (Fast Charging) ซึ่ง Air 7 อาจจะอัปเกรดให้จ่ายไฟได้เร็วขึ้น
5. ระบบปฏิบัติการ (iPadOS) และอายุการรองรับ
- iPad Air 6 มาพร้อม iPadOS 15 (หรือ 16) ตอนเปิดตัว และอัปเดตต่อได้อีกหลายปี
- iPad Air 7 แน่นอนว่าสามารถรองรับ
iPadOS เวอร์ชันใหม่ล่าสุด (เช่น iPadOS 17, 18)
ทำให้มั่นใจได้ในระยะยาว - หากคุณต้องการใช้งานนาน ๆ และได้รับอัปเดตระบบปฏิบัติการเต็มที่ที่สุด Air 7 ย่อมได้เปรียบ
6. ราคาและความคุ้มค่า: เลือกให้เหมาะกับงบและการใช้งาน
- iPad Air 6
- ราคาเริ่มต้นจะถูกลง (เนื่องจากมีรุ่นใหม่มาแทน)
- ยังคงประสิทธิภาพดีพอสำหรับงานทั่ว ๆ ไป ทั้งเอกสาร, เรียนออนไลน์, ประชุมทางวิดีโอ, ดูหนังฟังเพลง
- iPad Air 7
- ราคาเปิดตัวอาจสูงกว่า Air 6 แต่แลกกับประสิทธิภาพที่ดีขึ้น (ชิปประมวลผล กล้อง ฟีเจอร์ใหม่ ๆ)
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเร็วเหนือกว่า ตอบโจทย์งานโปรดักชัน งานตัดต่อ หรือเล่นเกม 3D หนัก ๆ
ตารางสรุปความแตกต่าง iPad Air 6 vs iPad Air 7 (2025)
หัวข้อ | iPad Air 6 | iPad Air 7 (2025) |
---|---|---|
ดีไซน์ | ขอบบาง 10.9 นิ้ว, น้ำหนักเบา | ขอบบาง 10.9 นิ้ว, ปรับรายละเอียดบางจุด, จอภาพสว่างขึ้น |
ชิปประมวลผล | M1 หรือ A-series รุ่นท็อป | M2 (หรือ A17 Bionic) |
กล้อง | หลัง 12MP / หน้า 12MP Ultra Wide, Center Stage | สเปกใกล้เคียงกัน แต่ Center Stage อัปเกรด AI ประมวลผลดีขึ้น |
แบตเตอรี่ | ใช้งานสูงสุด ~10 ชม., ชาร์จ USB-C | ใช้งานสูงสุด ~10 ชม., ชาร์จ USB-C (อาจรองรับ Fast Charging ดีขึ้น) |
ระบบปฏิบัติการ | iPadOS 15 หรือ 16, อัปเดตได้อีกหลายปี | iPadOS ล่าสุด (17, 18), รองรับนานกว่า |
ราคา | ถูกลง เนื่องจากมีรุ่นใหม่มาแทน | เปิดตัวราคาสูงกว่า แต่สเปก/ฟีเจอร์อัปเกรด |
เหมาะกับใคร | – งานเอกสาร, เรียนออนไลน์, ประชุม – คนที่ต้องการประหยัดงบแต่ยังได้สเปกแรง |
– งานโปรดักชัน, ตัดต่อวิดีโอ, เล่นเกมหนัก – คนที่อยากได้ iPad ใช้ยาว ๆ พร้อมเทคโนโลยีล่าสุด |